เทคโนโลยี VoIP หรือ Voice over IP นั้นเป็นเทคโนโลยีใหม่สำหรับการโทรศัพท์ผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ซึ่งมีข้อดีอันดับแรก ๆ ที่เห็นได้ชัดก็คือ ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการโทรได้ ไม่ว่าจะเป็นการโทรภายในประเทศ หรือการโทรระหว่างประเทศก็ตาม เพราะการโทรศัพท์ผ่านทางระบบอินเทอร์เน็ตนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องทำงานผ่าน ทางชุมสายโทรศัพท์ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายของส่วนที่ให้บริการด้วย แต่การโทรศัพท์ผ่านทางอินเทอร์เน็ตนั้นจะเป็นการทำงานโดยอาศัยหลักการเดียว กับการส่งข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ต
VoIP คืออะไร
VoIP (Voice over IP) นั้นเป็นการประยุกต์การส่งข้อมูลของอินเทอร์เน็ตมาใช้งาน ซึ่งโดยปกติการใช้งานอินเทอร์เน็ตจะเป็นการใช้สัญญาณข้อมูลเพียงอย่างเดียว แต่สำหรับการใช้งาน VoIP นั้นจะเป็นการนำเอาสัญญาณเสียงมารวมเข้ากับสัญญาณข้อมูลเพื่อส่งผ่านไปยัง ระบบเครือข่ายผ่านทางโพรโตคอลที่ใช้สำหรับอินเทอร์เน็ตก็คือ Internet Protocol หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า IP ซึ่งตามปกตินั้น IP จะใช้สัญญาณข้อมูลเท่านั้น แต่ด้วยเทคโนโลยี VoIP ที่ทำให้ส่งสัญญาณเสียงได้ ด้วยรูปแบบการส่งข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตจึงทำให้ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการ โทรศัพท์ได้เป็นอย่างมาก
การทำงานของ Internet Protocol (IP)
หัวใจสำคัญของ VoIP ก็คือ Internet Protocol เพราะจะเป็นตัวกลางในการทำหน้าที่สำหรับติดต่อสื่อสารระหว่างต้นทางและปลาย ทาง และอย่างที่กล่าวไปแล้วก็คือ การทำงานผ่าน IP โดยปกติจะเป็นการส่งสัญญาณข้อมูลเท่านั้น แต่ด้วยการผสมผสานระหว่างเสียงและข้อมูลจึงทำให้ VoIP เกิดประโยชน์ทั้งทางด้านการพัฒนาและเทคโนโลยีขึ้นมา และการทำงานของโพรโตคอล IP สามารถแยกแบบคร่าว ๆ ได้ก็คือ
– สัญญาณข้อมูลจะถูกแบ่งออกเป็นส่วน ๆ เพื่อส่งออกไปตามเส้นทางบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
– เมื่อข้อมูลที่ถูกแบ่งไปถึงปลายทางจะใช้ระยะเวลาและการทำงานที่ต่างกันซึ่ง อาจจะไม่พร้อมกันก็ได้
– ข้อมูลที่ถึงปลายทางแล้วจะมีโพรโตคอล TCP ที่จะทำหน้าที่ในการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่ส่งมาทั้งหมด
– ตรวจสอบข้อมูลให้อยู่ในสภาพเดิมเหมือนก่อนที่จะถูกแยกออกเป็นส่วน ๆ
จาก ขั้นตอนการส่งข้อมูลดังกล่าวผ่านทาง IP แบบคร่าว ๆ นั้นจะเห็นได้ว่าส่วนที่สำคัญก็คือ การแยกไฟล์ขนาดใหญ่ออกเป็นส่วนเล็ก ๆ หลายส่วนแล้วค่อยส่งออกไป เมื่อครบทุกส่วนที่ปลายทางแล้วจึงมีการประกอบให้คืนรูปแบบภายหลัง ถ้าจะมองให้เห็นภาพการส่งข้อมูลแบบเป็นส่วน ๆ ให้ชัดกว่านี้ก็เปรียบเทียบได้กับการใช้งานโปรแกรมช่วยดาวน์โหลด เช่น Flashget ที่จะมีการแยกไฟล์เป็นส่วน ๆ ในการดาวน์โหลดเพื่อเพิ่มความเร็วในการทำงาน และที่สำคัญก็คือ ช่วยลดเวลาในการทำงานได้เป็นอย่างดี ดังนั้นการทำงานในรูปแบบ IP จึงมีความสำคัญต่อการสื่อสารด้วยเสียงผ่านเทคโนโลยี VoIP เป็นอย่างมากเพราะนอกจากจะช่วยลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มความเร็วด้วยการแยกไฟล์ข้อมูล (เสียงหรือข้อมูล) ออกเป็นส่วน ๆ แล้วยังเพิ่มประสิทธิภาพนอกเหนือจากการติดต่อสื่อสารผ่านทางเสียงเพียงอย่าง เดียวให้สามารถทำงานเกี่ยวกับทางด้านข้อมูลไปในตัวด้วย
เหตุผลในการเลือก VoIP
สำหรับการเลือกใช้งาน VoIP มาเป็นส่วนของการช่วยโทรศัพท์นั้น ก็เนื่องจากว่า ในปัจจุบันอินเทอร์เน็ตได้มีการใช้งานกันอย่างแพร่หลาย และได้รับความนิยมเป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานของรัฐบาลหรือหน่วยงาน ของเอกชนก็ตาม จะต้องมีอินเทอร์เน็ตไว้ใช้ในองค์กร ที่สำคัญก็คือ อินเทอร์เน็ตแบบความเร็วสูงที่กำลังขยายตัวขึ้นเรื่อย ๆ และด้วยการขยายตัวของดระบบเครือข่ายสัญญาณข้อมูล Data Network ที่มีอัตราการขยายตัวอย่างรวดเร็วกว่าการขยายตัวของการสื่อสารด้วยเสียง จึงเหมาะสำหรับผู้ใช้งานในทุกระดับที่มีอินเทอร์เน็ตไว้ใช้งานเพราะด้วย เทคโนโลยีของ VoIP นั้นจะช่วยให้คุณสามารถนำเอาการรับส่งสัญญาณข้อมูลและสัญญาณเสียงได้พร้อม กัน ทำให้เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน และด้วยเหตุผลต่าง ๆ เหล่านี้จึงทำให้ VoIP ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
VoIP เหมาะสำหรับใคร???
อย่างที่ได้กล่าวไว้ตอนต้นว่าใคร ๆ ก็สามารถใช้เทคโนโลยี VoIP ได้ ไม่ว่าจะเป็นองค์กรขนาดใหญ่หรือว่าจะเป็นการใช้ตามบ้านก็ตาม เพราะด้วยต้นทุนที่ต่ำและสามารถนำเทคโนโลยีรวมถึงอุปกรณ์ที่มีอยู่มาใช้งาน ได้ทันที โดยที่ไม่มีความจำเป็นจะต้องลงทุนติดตั้งระบบหรือรื้อระบบใหม่ เพราะ VoIP ยังคงทำงานผ่านพื้นฐานของกานให้บริการอินเทอร์เน็ตอยู่ อย่างไรก็ดี VoIP นั้นก็ยังคงต้องอาศัยทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ในการทำงาน ซึ่งถ้าเป็นการใช้งานตามบ้านทั่วไปที่มีการโทรข้ามจังหวัดหรือโทรศัพท์ข้าม ประเทศนั้นเพียงติดตั้งซอฟต์แวร์และเสียค่าบริการให้กับผู้ให้บริการ VoIP ก็ใช้งานได้แล้ว ซึ่งผู้ใช้บริการ VoIP ส่วนมากจะเป็นผู้ให้บริการจากต่างประเทศ แต่สำหรับองค์กรขนาดใหญ่หรือจะเป็น SME ที่มีปริมาณการโทรมากก็จำเป็นที่ต้องอาศัยทั้งซอฟต์แวร์และฮร์ดแวร์ หรือองค์กรที่มีเครือข่าย Leased Line, Frame Relay, ISDN แม้กระทั่งเครือข่าย E1/T1 ก็สามารถนำอุปกรณ์ดังกล่าวนำมาประยุกต์ใช้งาน VoIP ได้เช่นกัน
มาตรฐานของ VoIP
การติดต่อสื่อสารในแบบต่าง ๆ ก็ย่อมต้องมีมาตรฐานขึ้นมาเป็นตัวกำหนดเพื่อให้ผู้ผลิตทั้งทางฮาร์ดแวร์และ ซอฟต์แวร์ได้อ้างอิงการทำงานบนมาตรฐานเดียวกันและ VoIP จะมีมารฐานอยู่ 2 มาตรฐานด้วยกันคือ มาตรฐาน H.323 และมาตรฐาน SIP มาตรฐานเหล่านี้เรียกได้อีกอย่างหนึ่งว่า “Call Control Technologies” ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในการนำเทคโนโลยี VoIP มาใช้งานสำหรับการสื่อสาร
– มาตรฐาน H.323
เป็น มาตรฐานที่มีการนำมาใช้งานกันในช่วงแรก ๆ ของเทคโนโลยี VoIP เสมือนหนึ่งว่าถูกนำมาใช้งานชั่วคราว เพราะมาตรฐาน H.323 ไม่ได้ถูกนำมาใช้งานชั่วคราว เพราะมาตรฐาน H.323 ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้รองรับกับการทำงานผ่าน IP และข้อเสียอีกประการของมาตรฐาน H.323 ก็คือ จะทำงานได้ค่อนข้างช้า
– มาตรฐาน SIP
ด้วย มาตรฐาน SIP ถือไดว่าเป็นมาตรฐานใหม่ที่ออกมารองรับกับ VoIP ซึ่งถูกออกแบบมาให้ทำงานร่วมกับ IP โดยเฉพาะ โดยในส่วนของการทำงานนั้นจะทำงานคล้ายคลึงกับการทำงานแบบ Client-Server Protocol และถือว่ามาตรฐานนี้เป็นมาตรฐานที่เหมาะกับการเริ่มต้นใช้งานใหม่เป็นอย่าง มาก
ซอฟต์แวร์ VoIP
ซอฟต์แวร์ที่ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการทำงานของ VoIP นั้นก็มีอยู่หลายตัว แต่ที่ได้รับความนิยมรวมถึงที่ออกมาใหม่นั้นจะมีอยู่ด้วยกัน 3 โปรแกรม ซึ่งแต่ละโปรแกรมก็กำลังเร่งพัฒนาให้โปรแกรมของตนมีคุณภาพรวมถึงความปลอดภัย ในการทำงานให้มากขึ้นกว่าเดิม
– Skype เป็นโปรแกรม VoIP โปรแกรมแรก ๆ ที่ออกมาซึ่งเป็นการให้บริการที่มีทั้งแบบที่ใช้งานฟรีและแบบที่ต้องเสียค่า บริการ จึงทำให้ Skype มียอดผู้ใช้งานในแต่ละวันเป็นจำนวนมากกว่า 3 ล้านคน จากผู้ใช้งานทั่วโลก ด้วยการใช้งานที่ง่ายและรองรับกับระบบปฏิบัติการทั้งวินโดวส์ Mac และ Linux
– Google Talk เรียกได้ว่าเป็นโปรแกรมน้องใหม่ที่กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาประสิทธิภาพใน การทำงานให้ดีมากยิ่งขึ้น เพราะถึงแม้ว่าตัวโปรแกรมยังเป็นเวอร์ชันทดสอบ แต่ก็สามารถใช้งานในส่วนของ VoIP ได้อย่างไม่มีปัญหา
– Gizmo Project เป็นโปรแกรมที่อยู่ระหว่างการทดสอบการใช้งานเช่นกัน ซึ่งถึงแม้ว่าจะมีความสามารถและประสิทธิภาพในการทำงาน VoIP ที่ดีแต่ก็ยังคงมีปัญหาอยู่บ้างบางส่วนของการใช้งาน
ข้อดีของ VoIP
– ประหยัดค่าใช้จ่าย ด้วยการนำเอา VoIP มาใช้นั้นจะเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายในด้านต่าง ๆ ได้เป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นทางด้านอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ หรือจะเป็นทางด้านระบบของโทรศัพท์ เพราะเมื่อคิดค่าใช้จ่ายจากค่าบริการหรือค่าอุปกรณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว เมื่อมีปริมาณการโทรทางไกลจำนวนมากในระยะยาวก็จะประหยัดค่าใช้จ่ายได้อีก หลายเท่าตัว
– เหมาะกับการประชุมทางไกล เมื่อมีเหตุจำเป็นจะต้องประชุมผ่านทางโทรศัพท์ทั่วไปนั้นอาจจะเกิดปัญหาของ การติดต่อสื่อสารได้ แต่ด้วย VoIP จะช่วยทำให้สามารถติดต่อสื่อสารด้วยเสียงไปพร้อมกับการรับส่งข้อมูลได้ทันที
– รับ-ส่งไฟล์ได้โดยตรง การติดต่อผ่าน VoIP นั้นจะสามารถส่งไฟล์ให้กันได้โดยตรงผ่านระบบ P2P โดยอาศัยเพียงแค่ซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของ VoIP เท่านั้นก็สามารถใช้งานได้
ข้อจำกัดของ VoIP
– คุณภาพเสียง ถึงแม้ว่าจะมีราคาและค่าใช้จ่ายในการโทรที่ถูกกว่าโทรศัพท์ทั่วไป แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดก็คือคุณภาพของเสียงสนทนาที่จะด้อยลง ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากการลดคุณภาพของเสียงลงเพื่อที่จะส่งไปยังปลายทางได้ เร็วมากขึ้น
– อุปกรณ์ในการทำงาน การโทรศัพท์ด้วย VoIP นั้นถ้าเป็นผู้ใช้งานตามบ้านทั่วไป ก็จำเป็นที่จะต้องมีทั้งคอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต และไมโครโฟนพร้อมลำโพง ซึ่งต่างจากโทรศัพท์ธรรมดาที่จะมีเพียงแค่สายโทรศัพท์และตัวเครื่องโทรศัพท์ เท่านั้น
“จะ เห็นได้ว่าด้วยเทคโนโลยี VoIP ที่กล่าวมาข้างต้นนั้นให้ประโยชน์ต่อการติดต่อสื่อสารทางไกลเป็นอย่างมาก ซึ่งเหมาะกับทั้งผู้ใช้งานตามบ้านทั่วไป และผู้ใช้งานที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ และถึงแม้ว่า VoIP จะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการติดต่อสื่อสารด้วยเสียงและข้อมูลด้วยราคาที่ ประหยัดและคุ้มค่ากว่า เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าจับตามองก่อนที่จะมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นมา”
http://www.omlnetwork.com/tel25satang/voip.php