Skip to main content

[Network] question & answer ?

Q: Which type of network application requires more elaborate software: connectionoriented
or connectionless? Explain.

A: Connection Oriented ใช้มากกว่า
เพราะ
Connection-Oriented ต้องสร้าง connection ทำให้เสียเวลาในตอนเริ่มต้นทำการส่ง หลังจากนั้นจึงเริ่มส่งได้ ข้อดีคือมีการรับประกันว่าข้อมูลถึงปลายทางอย่างถูกต้อง ตัวอย่างรูปแบบการส่งคือ TCP
Connectionless ไม่มีการสร้าง connection เหมือนกับแบบ Connection-oriented สามารถทำการส่งได้เลย ทำได้รวดเร็ว แต่ไม่มีการรับประกันว่าข้อมูลถึงปลายทางถูกต้อง ตัวอย่างรูปแบบการส่งคือแบบ UDP

Q: What are the differences between a centralized routing and a distributed routing?
A:
การค้นหาเส้นทางจากโหนดศูนย์กลาง (Centralized Routing) จะกำหนดให้โหนด ซึ่งทำหน้าที่ในการเลือกเส้นทางเดินข้อมูลให้กับโหนดอื่นในระบบเครือข่าย โหนดนี้จะทำหน้าที่เป็นผู้จัดการบริหารเครือข่ายการค้นหาเส้นทาง ซึ่งจะต้องเก็บตารางเส้นทางเดินข้อมูลและจัดการปรับปรุงข้อมูลข่าวสารทั้ง หมดที่เกิดขึ้นตลอดเวลา โหนดอื่นที่เหลือจะต้องรายงานข่าวเกี่ยวกับสถานะการทำงานของตนเอง เช่น ปริมาณข้อมูลที่รับเข้ามา ปริมาณข้อมูลที่ส่งออกไปและกระบวนการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นให้แก่โหนดศูนย์กลางเป็นระยะ ดังนั้นโหนดศูนย์กลางจึงเป็นที่รวบรวมข้อมูลสถานะการทำงานทั้งหมดที่เกิด ขึ้นบนระบบเครือข่าย จึงทราบว่าส่วนใดในระบบเครือข่ายที่มีการใช้งานมากหรือน้อยเพียงใด
ข้อด้อยที่สำคัญของการทำงานแบบศูนย์กลางคือ ถ้าตำแหน่ง (สถานที่ที่ตั้งที่ใช้งานจริง) ของโหนดศูนย์กลางไม่อยู่ตรงกลางระบบแล้ว ข้อมูลเกี่ยวกับเส้นทางและสถานะการทำงานของโหนดที่อยู่อีกฟากหนึ่งจะต้องใช้ เวลาพอสมควรกว่าที่จะเดินทางมาถึงโหนดศูนย์กลาง ระยะเวลาที่ช้าเกินไปนี้อาจทำให้ข้อมูลในตารางเส้นทางไม่สอดคล้องกับความ เป็นจริงที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนั้น ประสิทธิภาพของระบบเครือข่ายก็จะลดลง ปัญหาที่สำคัญอีกข้อหนึ่งคือ ถ้าโหนดศูนย์กลางเกิดหยุดทำงาน โหนดอื่นในระบบจะไม่สามารถค้นหาเส้นทางได้

การค้นหาเส้นทางที่ตัวโหนดเอง (Distributed Routing) กำหนดให้แต่ละโหนดจัดการเก็บ ตารางเส้นทางไว้ โดยแต่ละโหนดมีหน้าที่ส่งข้อมูลสถานะการทำงาน (เช่นเดียวกับแบบศูนย์กลาง) ไปยังโหนดข้างเคียงของตนเองทุกโหนด ข้อมูลในตารางเส้นทางจึงเป็นเพียงข้อมูลสถานะการทำงานย่อย และเนื่องจากจำนวนโหนดข้างเคียงจะมีอยู่ไม่มากนักทำให้แต่ละโหนดสามารถปรับ ปรุงข้อมูลให้มีความทันสมัยอยู่ตลอดเวลา การที่โหนดหนึ่งหยุดทำงานก็จะไม่มีผลต่อการค้นหาเส้นทางของโหนดอื่น ในระบบนี้ แม้ว่าจะมีปริมาณข้อมูลเพิ่มขึ้น (เพื่อแจ้งสถานะการทำงาน) แต่ประสิทธิภาพที่สูงขึ้น ก็ถือว่าคุ้มค่า
สรุป
ความแตกต่างระหว่าง Centralized Routing กับ Distributed Routing
Centralized Routing มีการเก็บข้อมูลไว้ที่โหนดเดียว เวลาระบบโหนดศูนย์กลางล้มเหลวของสัญญาณ ก็จะทำให้โหนดอื่นใช้งานไม่ได้ไปด้วย
Distributed Routing โหนดทุกโหนดเป็นศูนย์กลางเอง ระบบนี้แทบที่จะไม่มีการล้มเหลวของสัญญาณแน่นอน แต่ระบบมีการใช้ทรัพยากรของระบบในการจัดการปริมาณของข้อมูลสูงมาก

Credit: http://www.dcs.cmru.ac.th/lesson6_2.php

Translate »